วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ปัญหาต่อมลูกหมากกับสารพิษของนักกอล์ฟ








ปัญหาต่อมลูกหมากกับสารพิษของนักกอล์ฟ


การมีชีวิตทั้งกายและใจที่ดี กายคือการมีสุขภาพที่ดี และใจย่อมต้องมีจิตใจที่ดีพร้อมต่อสู้กับสิ่งต่างๆ  ดังเช่น วิศวกรที่เข้าสู่วัย 64 ผู้นี้ เป็นบุคคลที่คนในวัยเดียวกันอิจฉาเพราะการเป็นคนอารมณ์ขัน  และการมองโลกไปในทิศทางสร้างสรรค์ ทำให้วิศวกรหนุ่ม (ตอนปลาย) ผู้นี้มองเรื่องการเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดาที่เป็นของคู่กันกับมนุษย์
คุณธุรนัย เจ็บป่วยในวัยใกล้เกษียณคือต้องผ่าตัดหลังถึงสองครั้ง เนื่องจากกระดูกทับเส้น บวกกับการเป็นคนหนึ่งที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพของตัวเองอย่างมาก ก็มักจะหมั่นไปตรวจสุขภาพประจำปีไม่ได้ขาด แต่ดูเหมือนการตรวจครั้งนั้นกลับเพิ่มโรคมาอีกโรคหนึ่งนั่นคือ โรคเบาหวาน
ผลการตรวจเลือดพบว่าน้ำตาลในเลือดสูงถึง 140 (ขณะที่คนปกติมีค่าน้ำตาลระหว่าง 80-100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) เป็นผลให้ต้องกินยาควบคุมน้ำตาล และต้องกลับไปตรวจทุกเดือน นอกจากนี้ภรรยาของคุณธุรนัยยังป่วยเป็นโรคยอดฮิตอย่างโรคภูมิแพ้ซึ่งจะมี อาการเป็นหวัดคัดจมูก และจามอยู่บ่อยๆ อีกทั้งยังหายใจไม่ออกเป็นประจำจนบางครั้งต้องหายใจทางปาก และต้องพาส่งโรงพยาบาลกลางดึกอยู่บ่อยครั้งเพื่อพ่นยาขยายหลอดลม
กระทั่งปี พ.ศ.2553 ภรรยาของคุณธุรนัยเดินทางไปทำบุญที่ต่างจังหวัด และมีโอกาสได้เจอกับลูกน้องเก่าที่เคยร่วมงานกัน เมื่อเห็นจากอาการจามถี่ๆ จึงแนะนำให้รู้จักกับน้ำปรับโมเลกุล (MRET) พร้อมกับส่งเอกสารและรายละเอียดต่างๆ มาให้ศึกษาเป็นข้อมูลเบื้องต้น ทั้งสองสามีภรรยาต่างหาข้อมูลที่เกี่ยวกับน้ำปรับโมเลกุล(MRET) อย่างเอาจริงเอาจังโดยเฉพาะผู้เป็นสามีเช่นคุณธุรนัย
จนกระทั่งเดือนมีนาคม ปี พ.ศ.2554 ทั้งคู่จึงมีโอกาสเข้าร่วมงานสัมมนาในโอกาสที่ท่านเจ้าคุณอลงกตได้นำตัวอย่างของผู้ป่วยที่ดื่มน้ำปรับโมเลกุล (MRET) จากวัดพระบาทน้ำพุมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง
“วันนั้นในงานเขามีให้ร่วมบริจาคเครื่องปรับโมเลกุลน้ำ(MRET)  ด้วยการซื้อหนึ่งเครื่องบริจาคให้วัดอีกหนึ่งเครื่อง ภรรยาผมไม่รอช้าจึงตัดสินใจซื้อเครื่องทันที ครั้งแรกที่ผมได้ดื่มมีอาการง่วงมาก นั่งดูทีวีอยู่ดีๆ หลับคาทีวี อาการเช่นนี้เป็นอยู่ 4-5 วัน และยังถ่ายเหลว หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอาการง่วงหายไป ร่างกายค่อยๆ ปรับสภาพตัวเอง การถ่ายเหลวยังมีอยู่แต่น้อยลง”
“ก่อนหน้านี้ผมยังมีปัญหาในตอนกลางคืนค่อนข้างมาก หลับๆ ตื่นๆ อยู่เป็นประจำเพราะมีอาการของต่อมลูกหมากโต เริ่มจากปัสสาวะไม่ค่อยออก ปัสสาวะกะปริบกะปรอย ไม่พุ่ง และยังไม่สามารถอั้นปัสสาวะได้ เวลากลางคืนผมต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง จนต้องไปหา หมอและนำยากลับมากินที่บ้าน อาการก็ค่อยดีขึ้นแต่ก็ยังต้องลุกมาตอนดึกๆ อยู่ดี”
“หลังจากได้ดื่มน้ำปรับโมเลกุล (MRET)  ผ่านไปหนึ่งเดือนการนอนหลับของผมดีขึ้น หลับเร็ว หลับลึก หลับยาว ระยะหลังไม่ต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำตอนดึกอีก แต่ก็มีนานๆ ครั้ง”
“ครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 กรกฎาคม 2554 หลังจากดื่มน้ำปรับโมเลกุล (MRET)  มาได้ 4 เดือน น้ำตาลในเลือด ลดลงจากเดิม 140 เหลือ 118 ยาที่เคยกิน 2 ตัวก็ลดลงเหลือ 1 ตัว”
“ภรรยาที่เป็นโรคภูมิแพ้ อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ ไม่ต้องพ่นยาเพื่อขยายหลอดลมอีกแล้ว เขาดูกระฉับกระเฉงมากขึ้น นอนหลับสบาย สดชื่นขึ้นมาก”
สามีภรรยาคู่นี้ยังเป็นคู่ที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำด้วยการตีกอล์ฟ ออกรอบอาทิตย์ละหนึ่งถึงสองครั้ง การออกกำลังกายน่าจะดีสำหรับคนทั้งคู่แต่กลับต้องเจอะเจอกับความเจ็บป่วย รูปแบบใหม่
“หญ้าที่ปูในสนามกอล์ฟที่เห็นเขียวขจีนั้นเขาต้องฉีดสารเคมีจำพวกยาฆ่า แมลงเพื่อที่จะบำรุงหญ้า  ฉะนั้นก็จะมีโอกาสได้รับสารเคมีในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ลูกกอล์ฟที่ตีแล้วตกพื้นสัมผัสหญ้า มือที่หยิบลูกกอล์ฟเอาไปตี มือที่จับไม้กอล์ฟเพื่อตีลูก มือที่หยิบเอาผ้ามาซับเหงื่อ สารเคมีจึงสามารถเข้าได้ทุกขั้นตอน มีอยู่วันหนึ่งเหงื่อไหลเข้าตาแล้วคัน ผมจึงเอาหลังมือขยี้เปลือกตาแล้วเอาผ้าซับเหงื่อออก รุ่งขึ้นตื่นมามีขี้ตาที่ตาซ้าย วันที่สองก็มีขี้ตาเหมือนเดิมแต่เริ่มคัน มีปุ่มเล็กๆ บนเปลือกตาบน และเริ่มใช้ยาล้างตาทั้งเช้าและเย็น”
“วันต่อมาก็มีปุ่มแดงโตขึ้นมาอีก และเป็นอยู่หลายวันก็ไม่หายจึงต้องไปหาหมอปรากฏว่าเป็นตากุ้งยิง หมอแนะนำให้ผ่าเอาเชื้อออกเพราะหมอบอกว่าผมมีเชื้อมาแต่เดิม ยามที่ตาสกปรกก็ จะกลับมาเป็นอีก หากผ่าแล้วก็จะไม่เป็นอีกจึงตัดสินใจผ่า”
“ผ่าแล้วอีกหนึ่งเดือนก็กลับเป็นอีก คราวนี้ปุ่มแดงๆ เริ่มสุกและมีหนองต้องผ่าอีก”
“ครั้งต่อมาสามอาทิตย์ผ่านไปกลับเป็นที่ตาขวาอีกข้างหนึ่ง แต่คราวนี้ผมยังไม่กลับไปหาหมอ ลองเอาน้ำปรับโมเลกุล (MRET)  ที่ทำเสร็จใหม่ๆ ใส่ถ้วยล้างตาแล้วกรอกตาในน้ำครึ่งนาที แสบตานิดหน่อย นำมาล้างตาเช้า กลางวัน เย็น ทำได้ 3 วัน ตาที่เป็นกุ้งยิงก็ค่อยๆ ยุบหายไป”
ไม่เพียงอาการตากุ้งยิงที่เกิดจากสนามกอล์ฟเท่านั้น คุณธุรนัยยังต้องเจอกับอาการคันตามตัวอยู่เป็นประจำ สาเหตุมาจากสนามกอล์ฟที่ตีเป็นประจำนั้นทุกครั้งที่เล่นกอล์ฟจะต้องทำการอาบ น้ำชำระคราบเหงื่อไคลที่คลับเฮ้าท์ก่อนกลับบ้านทุกครั้ง
“น้ำที่ทางสนามจัดเตรียมไว้ส่วนใหญ่เป็นน้ำบาดาล ไม่ได้นำมาบำบัดดีนัก พอกลับถึงบ้านผมจะรู้สึกคันเนื้อคันตัวอยู่บ่อยๆ ต้องอาบน้ำที่บ้านซ้ำจึงค่อยยังชั่ว จึงนำน้ำปรับโมเลกุล (MRET)  มาอาบน้ำ และสระผมโดยจะใช้น้ำปรับโมเลกุล (MRET)  ราดหัวให้ชุ่มก่อนจึงค่อยสระผมและนำมาราดในครั้งสุดท้ายอีก ครั้งหลังจากสระผมเสร็จ และใช้อาบน้ำในตอนอาบน้ำเสร็จเป็นน้ำสุดท้ายเหมือนกัน”
“ตอนใช้อาบน้ำวันแรกๆ ลองเอามือลูบดูรู้สึกทันทีว่าผิวลื่นขึ้น ใช้ติดต่อกันหนึ่งสัปดาห์เม็ดผดผื่นคันและสิวที่หลังเริ่มลดลง หลังจากใช้หนึ่งเดือนสิวหายไปหมด”
“อีกเรื่องคือเรื่องเล็บขบ ผมมักเป็นที่นิ้วโป้ง และชอบแคะอยู่เป็นประจำจนเป็นแผล ยิ่งผมเป็นเบาหวานอยู่ด้วยจึงทำให้แผลนั้นยิ่งหายยาก จึงลองเอาเท้ามาแช่น้ำปรับโมเลกุล (MRET)  ดู ปรากฏว่าแผลหายเร็ว เดินสบาย และไม่ต้องหยอดยาอีก”
เมื่อคุณธุรนัยและภรรยาได้นำน้ำปรับโมเลกุล (MRET) มาดื่ม และพอใจในผลของสุขภาพที่เกิดขึ้น ทั้งคู่จึงเริ่มเป็นครอบครัวเอ็มเร็ท (MRET) โดยแบ่งปันให้กับคนรอบตัว ด้วยการนำไปให้ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อย่างมาก ถึงขนาดที่ว่าต้องเข้านอกออกในโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
“ผมนำน้ำปรับโมเลกุล (MRET)  ไปให้ท่านลองดื่ม ต่อมาอาการท่านดีขึ้นมาก หน้าตาสดใสไม่อมโรคเหมือนก่อน ผมจึงแนะนำว่าให้ท่านทั้งดื่ม ล้างหน้า และนำไปอาบน้ำด้วย”
“แนะนำให้น้องสองครอบครัวไปซื้อคนละเครื่อง น้องคนหนึ่งทำน้ำปรับโมเลกุล (MRET) ให้กับแม่ดื่ม ทำให้อาการท้องผูกหลังจากผ่าตัดลำไส้ของท่านหายไป ถ่ายสบายขึ้น ส่วนอีกครอบครัวที่ซื้อไปใช้ ก็แฮปปี้กันถ้วนหน้า”
ผู้เล่าเรื่อง ธุรนัย รังษีเทพปฏิมา
อาชีพ วิศวกร
เรื่องราวที่แบ่งปัน ปัญหาต่อมลูกหมากกับสารพิษของนักกอล์ฟ







 

MRET กับกรณีศึกษาในผู้ป่วยเอดส์

โครงการบริจาก เครื่องปรับโมเลกุลน้ำ เอ็มเร็ท MRET ให้กับผู้ป่วยเอดส์ ณ วัดพระบาทน้ำพุ

ประสบการณ์เข้าร่วมฟังงานสัมมนาของบริษัทน้ำดื่ม MRET ในหัวข้อ “ยึดหลัก 5 อ. ป้องกันมะเร็งได้อย่างไร?”







ประสบการณ์เข้าร่วมฟังงานสัมมนาของบริษัทน้ำดื่ม MRET ในหัวข้อ “ยึดหลัก 5 อ. ป้องกันมะเร็งได้อย่างไร?”


 


ดิฉันได้ซื้อเครื่องปรับโครงสร้างโมเลกุลน้ำ “เอ็มเร็ท” (MRET) มาแล้ว และได้รับบัตรเชิญเข้าร่วมงานสัมมนาเกี่ยวกับสุขภาพจากบริษัท MRET ส่งมาให้ที่บ้านหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่เคยคิดจะไปเข้าร่วมงานสักที เพราะคิดว่าเค้าคงเน้นพูดถึงเรื่องประโยชน์ของน้ำ MRET ซึ่งเราเองก็ได้ศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดีแล้ว จนตัดสินใจซื้อเครื่อง MRET มาใช้ ก็เลยไม่คิดสนใจไปฟังในงานสัมมนา จนล่าสุดเห็นหัวข้อในบัตรเชิญที่บริษัท MRET ส่งมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับ “ยึดหลัก 5 อ. ป้องกันมะเร็งได้อย่างไร?” ซึ่งผู้ที่บรรยายเป็นถึงรศ.พญ.สุพัตรา แสงรุจิ ซึ่งท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านรังสีรักษาและเวชศาสตร์นิวเคลียร์จากโรง พยาบาลศิริราช ก็เลยรู้สึกสนใจขึ้นมาและอยากรู้ว่า 5 อ. นี่คืออะไร ก็เลยตัดสินใจสำรองที่นั่งลองไปฟังงานสัมมนาในครั้งนี้ ดู ซึ่งในงานเค้ายังมีแจกหนังสือ “มะเร็งป้องกันได้จริงหรือ?” ที่คุณหมอเป็นผู้เขียนเองอีกด้วย ลองเปิดอ่านดูข้างในน่าสนใจมาก ได้อธิบายความรู้ต่างๆและวิธีการป้องกันมะเร็งในรูปแบบการ์ตูน น่ารักมาก อ่านแล้วสนุก เข้าใจง่าย หลังจากที่ฟังคุณหมอบรรยายก็ได้ทราบแล้วว่า 5 อ. คืออะไรบ้าง ดิฉันเลยอยากเก็บเอามาบอกต่อเพื่อเป็นความรู้ประโยชน์ให้ท่านอื่นๆอีกด้วย
อ.ที่ 1 คือ อาหารและน้ำสะอาด ต้องทานให้ครบ 5 หมู่ เลือกอาหารที่สะอาด ปลอดสารเคมี และสารก่อกลายพันธุ์ และต้องทานผักผลไม้ เห็ดและถั่วเพิ่ม โดยผักผลไม้จะช่วยยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระและป้องกันเซลล์กลายพันธ์ ส่วนเห็ดช่วยเพิ่มภูมิต้านทานป้องกันมะเร็ง หากเป็นมะเร็งจะทำให้หายเร็วขึ้น และช่วยลดผลข้างเคียงจากเคมีบำบัดและรังสี สำหรับถั่วซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจะจับกับอนุมูลอิสระและป้องกันสารก่อ กลายพันธุ์
อ.ที่ 2 คือ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกายวันละ 10-30 นาที การออกกำลังกายช้าๆ เบาๆ ผสมผสานกับการหายใจเข้าออกที่ถูกวิธี
อ.ที่ 3 คือ อากาศบริสุทธิ์ หลีกเลี่ยงที่อับชื้น ฝุ่น ควัน สารเคมีระเหย และฝุ่นเคมี
อ.ที่ 4 คือ อารมณ์ดี ไม่เครียด ต้องฝึกจิตให้สงบ และนอนหลับสนิท
อ.ที่ 5 อุจาระ ปัสสาวะ ขับถ่ายระบายของเสียให้สม่ำเสมอ ทำให้สารก่อกลายพันธุ์ไม่คั่งค้างอยู่ในร่างกายนาน
คุณหมอยังแนะนำสูตรสำหรับผู้ป่วยมะเร็งว่า “ในแต่ละวันให้ทานเห็ด ถั่วทุกชนิด มะพร้าวทั้งน้ำและเนื้อ 2 ลูก มะนาว 2-3 ลูก และคั้นน้ำแครอทและแอปเปิ้ลดื่ม 1-3 แก้ว นอกจากอาหารแล้ว ต้องให้ความสำคัญกับน้ำดื่มด้วย เพราะน้ำจะช่วยชะล้างและนำพาของเสียออกจากเซลล์ ทำให้เซลล์สะอาดสดชื่นและทำให้เซลล์ภูมิต้านทานแข็งแรง น้ำที่ดีต้องเคลื่อนตัวได้เร็ว มีความตึงผิวต่ำ ความหนืดต่ำ ดูดซึมเข้าและออกจากเซลล์ได้เร็ว นำของดีเข้าเซลล์และของเสียออกจากเซลล์ได้ดี ซึ่งโดยปกติทั่วไปโมเลกุลของน้ำจะรวมกลุ่มกันประมาณ 30-40 โมเลกุล ทำให้เคลื่อนตัวช้า มีความตึงผิวและความหนืดสูง ถูกดูดซึมเข้าและออกจากเซลล์ช้าโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ทำให้การนำพาของดีเข้าเซลล์และของเสียออกจากเซลล์ช้าไปด้วย ดังนั้น จึงควรเลือกดื่มน้ำที่มีการปรับโครงสร้างโมเลกุลอย่างเหมาะสมจะดีที่สุด”
ซึ่งจากที่ได้ศึกษามาก็ทราบว่าน้ำ MRET เป็นน้ำที่มีคุณสมบัติพิเศษตรงตามที่คุณหมอแนะนำ เพราะเคยได้อ่านจากหนังสือที่บริษัท MRET ส่งมาให้ ได้อธิบายเกี่ยวกับ MRET ว่า น้ำ MRET เป็นน้ำที่มีความหนืดน้อยกว่าน้ำธรรมดาถึง 400 เท่า ทำให้มีสภาพคล่องยิ่งยวดและมีแรงต้านทานต่ำมาก นั่นทำให้น้ำ MRET สามารถผ่านทะลุรูพรุนขนาดเล็กและเส้นเลือดฝอยภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำ MRET เข้าสู่เซลล์ต่างๆและเข้าสู่ระบบการไหลเวียนของร่างกายได้เร็วกว่าน้ำธรรมดาถึง 3 เท่า ความที่มีพลังสูงของน้ำ MRET จึงไปกระตุ้นให้ระบบเม็ดเลือดแดงมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น โดยส่งเสริมให้เซลล์เม็ดเลือดแดงลำเลียงออกซิเจนเข้าสู่เซลล์และนำสารพิษออก จากเซลล์
วันนั้นผู้ร่วมงานต่างก็ได้รับความรู้เกี่ยวกับมะเร็งกลับบ้าน พร้อมกับท่าออกกำลังกายแบบผสมผสานที่คุณหมอนำมาสอน ดิฉันประทับใจมาก เสียดายที่ครั้งก่อนๆไม่เคยคิดเข้าร่วมฟังงานสัมมนาของบริษัท MRET ที่ให้ทั้งประโยชน์และความรู้เกี่ยวกับสุขภาพให้กับดิฉันเป็นอย่างมาก และก็ดีใจที่ได้ดื่มน้ำ MRET ที่เป็นปัจจัยหนึ่งในการช่วยป้องกันให้เราห่างไกลจากโรคมะเร็งอีกด้วย








 
 
 

MRET กับคุณหมอ

คำยืนยันจากผู้ใช้

















































วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รู้จักเทคโนโลยี "MRET" ก่อนดื่ม "น้ำแอคทิเวท"


รู้จักเทคโนโลยี "MRET" ก่อนดื่ม "น้ำแอคทิเวท"



ดร.โฮวอร์ด ดับบลิว ฟิชเชอร์ (ที่ 2 จากซ้าย) และ ศ.เกียรติคุณ ดร.ไมตรี สุทธจิตต์ (ขวาสุด) พร้อมด้วยผู้บริหารของ บริษัท เฮลท์ รีเลชั่นส์ จำกัด ในงานเปิดตัวหนังสือ Molecular Resonance Effect Technology: The Dynamic Effect On Human Physiology เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 52 ณ โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน (ภาพโดย บริษัท เฮลท์ รีเลชั่นส์ จำกัด)
คุ้นหูกันดีกับวลีที่ว่า "ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว แล้วจะดีต่อสุขภาพ" ที่หลายคนยึดถือปฏิบัติกันมานานนม ขณะที่หลายคนก็เริ่มสนใจและหันมาดื่ม "น้ำแอคทิเวท" น้ำดื่มยุคใหม่ที่ผ่านการกระตุ้นด้วยเทคโนโลยีเอ็มเร็ทอันทันสมัย ทำให้โมเลกุลของน้ำเรียงตัวเป็นระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น

       "น้ำ" ของเหลวที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิตบนโลก และในร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบประมาณ 70-75% ซึ่งร่างกายมีการสูญเสียน้ำตลอดเวลา เราจึงต้องดื่มน้ำเข้าไปทดแทนเพื่อให้การทำงานของเซลล์ในร่างกายเป็นไปได้ อย่างปกติ แต่ในยุคดิจิทัลเช่นทุกวันนี้ เราสามารถเปลี่ยนน้ำสะอาดธรรมดาให้มีคุณสมบัติพร้อมใช้งานสำหรับเซลล์ในร่าง กายได้ด้วยเทคโนโลยี "เอ็มเร็ท" (Molecular Resonance Effect Technology: MRET)

       "น้ำพุภูเขา" ต้นแบบของ "น้ำแอคทิเวทเอ็มเร็ท"

       หลัง เกิดโศกนาฏกรรมการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใน เชอร์โนบิล ประเทศรัสเซีย เมื่อปี 2529 ดร.อิเกอร์ เสมียร์นอฟ (Dr.Igor Smirnov) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ประเทศรัสเซีย ก็สนใจศึกษาความพิเศษของน้ำพุภูเขาที่ชาวบ้านบริเวณดังกล่าวดื่มกินกันมา เป็นเวลานานหลายชั่วอายุคนที่เชื่อว่ามีส่วนช่วยเสริมสุขภาพให้แข็งแรง อ่อนเยาว์ และมีอายุยืนยาว

       หลังเก็บตัวอย่างและ วิเคราะห์น้ำพุภูเขา ดร.เสมียร์นอฟ พบว่าโครงสร้างของน้ำพุภูเขามีลักษณะพิเศษคือ มีการเคลื่อนไหวที่ให้พลังงานโมเลกุลในระดับสูงกว่าน้ำธรรมดา ซึ่งเป็นผลจากค่าเฉพาะของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในบริเวณที่พบน้ำพุธรรมชาตินั้น

       ดร.สเมียร์นอฟ ใช้ข้อมูลที่ได้จากการวิจัยครั้งนั้นพัฒนาเครื่องมือและอุปกรณ์ให้เป็น "เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดผลกระทบจากการสั่นพ้องในระดับโมเลกุล" หรือ "เอ็มเร็ท" (Molecular Resonance Effect Technology: MRET) ที่ สามารถเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลของน้ำสะอาดธรรมดาให้เป็นระเบียบมากขึ้น มีความหนืดน้อยลงประมาณ 300 เท่า ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างอ่อน โดยไม่มีการเติมสารใดๆ ลงไป

       ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เปลี่ยนน้ำธรรมดาเป็นน้ำแอคทิเวท
       

       อุปกรณ์ สำคัญในการกระตุ้นน้ำธรรมดาให้กลายเป็นน้ำแอคทิเวทคือ ตัวโพลิเมอร์แบบผสม (Compound Polymeric Body) ซึ่งจะได้รับการกระตุ้นด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากแกนแม่เหล็ก หลายคู่ที่อยู่โดยรอบตัวโพลิเมอร์แบบผสมอีกทีหนึ่ง ทำให้ตัวโพลิเมอร์แบบผสมแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของคลื่นความยาวแสงที่ มองเห็นได้ในระดับ 400-800 นาโนเมตร และมีความถี่ในระดับ 7.2-8.2 เฮิร์ต ออกมาสู่น้ำในภาชนะบรรจุโดยไม่ต้องสัมผัสกับน้ำโดยตรง ซึ่งเทคโนโลยีเอ็มเร็ทนี้ได้รับสิทธิบัตรจากสหรัฐฯ ในเดือน ก.พ. 2543

       น้ำที่ผ่านกระบวนการเอ็มเร็ทจะเรียกว่า "น้ำแอคทิเวทเอ็มเร็ท" (MRET Activated Water) หรือ น้ำที่ผ่านการกระตุ้นด้วยเทคโนโลยีเอ็มเร็ท ซึ่งผ่านการปรับเปลี่ยนให้มีค่าความหนืดลดลงและมีลักษณะโครงสร้างของโมเลกุล เชิงเดี่ยวคล้ายกับโครงสร้างโมเลกุลของน้ำที่พบในเซลล์สิ่งมีชีวิต ทำให้ไหลผ่านเข้าสู่เซลล์ได้ง่ายขึ้น จึงช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้ดียิ่งขึ้นด้วย โดยมีผลงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์นานาชาติรองรับรวม 16 ผลงาน

       อย่าง ไรก็ดี ศ.ดร.ม.ร.ว.ชิษณุสรร สวัสดิวัตน์ ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ โดยออกตัวก่อนว่าตนเองไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเอ็มเร็ท แต่โดยทั่วไปนั้นร่างกายคนเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบมากถึง 70% อีกทั้งร่างกายมีการสูญเสียน้ำตลอดเวลาทั้งในรูปแบบเหงื่อและปัสสาวะ เพื่อขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ฉะนั้นเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป

       "การ ดื่มน้ำเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด เพราะโมเลกุลของน้ำช่วยละลายโมเลกุลของสิ่งมีชีวิต เมื่อเราดื่มน้ำเข้าไป ร่างกายก็สามารถนำน้ำเข้าสู่เซลล์ไปใช้งานได้ทันที คนที่ร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ การบริโภคน้ำและอาหารที่มีประโยชน์ในแต่ละวัน ร่างกายเราก็ได้รับน้ำและสารอาหารที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตอยู่แล้ว นอกจากผู้ที่มีร่างกายผิดปกติที่อาจจำเป็นต้องได้รับอาหารเสริมเข้าไป" ศ.ดร.ม.ร.ว.ชิษณุสรร อธิบาย

       ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีเอ็มเร็ทและน้ำแอคทิเวทเอ็มเร็ท สามารถติดตามอ่านเพิ่มได้จากหนังสือ Molecular Resonance Effect Technology: The Dynamic Effect On Human Physiology ผลงานเขียนร่วมกันของ ดร.อิเกอร์ เสมียร์นอฟ นักวิจัย และ ดร.โฮวอร์ด ดับบลิว ฟิชเชอร์ (Dr. Howard W. Fisher) แพทย์แผนธรรมชาติบำบัดต่อต้านความชรา จากแคนาดา ซึ่งเรียบเรียงเป็นภาษาไทยโดย ศ.เกียรติคุณ ดร.ไมตรี สุทธจิตต์

       (ข้อมูล เทคโนโลยีและน้ำแอคทิเวทเอ็มเร็ทจากการบรรยายพิเศษเรื่อง เทคโนโลยีเอ็มเร็ท โดย ดร.โฮวอร์ด ดับบลิว ฟิชเชอร์ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ณ โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน ซึ่งจัดโดย บริษัท เฮลท์ รีเลชั่นส์ จำกัด)


ที่มา : http://webboard.niyay.com/detail/38154.html