วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เพื่อสุขภาพของพี่น้องร่วมโลก


เพื่อสุขภาพของพี่น้องร่วมโลก

เพื่อสุขภาพของพี่น้องร่วมโลก

เพื่อสุขภาพของพี่น้องร่วมโลก

พันตำรวจโท ฐิติพล อ้นหาด
รับราชการตำรวจ
ลพบุรี

ปรากฏว่า หลังจากนั้น
ผลการตรวจเลือดดีขึ้น  โลหิตไม่ข้นเป็นลิ่มเลือด 
รู้สึกตัวเบาขึ้น  ความดันโลหิตเริ่มเป็นปกติ

    กระผม พันตำรวจโท ฐิติพล อ้นหาด สว.สท.โคกเจริญ จังหวัดลพบุรี เดิมเป็นอดีต สว.หน.ด่าน ตม.เขมราฐได้ 9 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2543 ต้องรับผิดชอบหน้าที่หนัก  เวลาพักผ่อนน้อย  ทำให้บางครั้งมีอาการความดันโลหิตสูง อ่อนเพลีย  และจากการทำงานที่บางครั้งรับประทานอาหารค่ำไม่เป็นเวลา ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน โลหิตข้นเป็นลิ่มเลือด รักษาที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ประสงค์ และโรงพยาบาลคำสรรพสิทธิ์ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นประจำ  แต่ก็แค่พอทุเลาลงบ้าง

    พอได้ทราบจากการโฆษณาน้ำเอ็มเร็ทจากทีวี เกิดความสนใจ  หลังจากปรึกษากับญาติ จึงตกลงใจซื้อมาทดลองดื่มดู  ปรากฏว่า ผลการตรวจเลือดดีขึ้น  โลหิตไม่ข้นเป็นลิ่มเลือด  รู้สึกอาการตัวเบาดีขึ้น  ความดันโลหิตเริ่มเป็นปกติ  โดยกระผมดื่มน้ำร่วมกับการรับประทานยาของหมอที่ให้มา  และภายหลังได้ทดลองลดยาลง ปรากฏผลความดันเป็นปกติ  อาการกรดไหลย้อนทุเลาลงได้ชัดเจน  การปัสสวะขับถ่ายดีขึ้น  จากนั้นสังเกตจากผิวพรรณนุ่มนวลดี จนเพื่อนๆ ลูกน้องที่ทำงานต่างชื่นชมในผิวพรรณใบหน้า  ที่สำคัญผลตรวจวัดน้ำตาลลดลงเป็นสภาพปกติของคนเริ่มสูงวัย 
กระผมได้ดื่มน้ำมาเป็นเวลาประมาณสองปี ไม่เคยขาด  แม้เดินทาง ก็จะเตรียมไว้ในรถยนต์

    กระผมเห็นว่าไหนๆ ซื้อเครื่องมาแล้ว ก็แจกจ่ายน้ำ ให้กับน้องชาย ชื่อนายภาณุพันธ์ อ้นหาด ซึ่งป่วยด้วยโรคเบาหวาน  น้ำตาล 500 เศษ ซึ่งหมอบอกว่า อันตรายมาก  กระผมรู้เข้า จึงได้ทำน้ำเอ็มเร็ทมาให้ดื่ม สัปดาห์ละ 2 ขวดใหญ่ๆ (20 ลิตร)  ปรากฏว่า เหมือนปฏิหาริย์ คือ น้ำตาลลดลงมาก  หมอยังแปลกใจ  แต่น้องชายเกรงใจที่ผมต้องมีภาระเพิ่ม ก็ลองหยุดดื่มบ้าง แต่น้ำตาลก็ขึ้น  พอกระผมรู้เข้า ก็รีบบอกไม่ต้องห่วงเรื่องภาระ จึงได้ทำน้ำมาให้ดื่มตลอดเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี  ปรากฏว่า อาการดีขึ้นอย่างมาก  ร่างกายแข็งแรง ไม่อ่อนเพลีย  สายตาดี  น้ำหนักสม่ำเสมอ  จากการที่เคยลดอาหารจนซูบผอม เดี๋ยวนี้ดูสดชื่น ผิวพรรณดี


    กระผมได้นำน้ำให้กับคุณแม่ นางบุญมาก อ้นหาด อายุ 86 ปี  ครั้งแรกท่านบอกว่าเวียนศีรษะ เลยหยุดดื่ม  พอผ่านมาสักระยะ ท่านได้เห็นในทีวี จึงสนใจ คงเพราะคนสูงอายุมักไม่ค่อยฟังใครง่ายๆ  กระผมจึงให้ดื่มทุกวัน ท่านบอกว่า เออดี  ผลตรวจน้ำตาล ซึ่งท่านเป็นเบาหวาน ลดลง  ความดันปกติดีทุกวัน เพราะมีเครื่องวัดความดันประจำบ้าน และน้องชายมีเครื่องวัดน้ำตาล  ปัจจุบันคุณแม่แข็งแรง ตื่นแต่เช้า  เช้าๆ ออกใส่บาตรพระ  บางครั้งเดินไปตลาดในจังหวัดลพบุรีกับไม้เท้าคู่ชีพ จนคนในตลาดชมว่าแข็งแรงดี


    และอีกราย ภรรยาลูกพี่ลูกน้องของกระผม ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ผ่าตัดไปหนึ่งข้าง  เมื่อทราบข่าว ก็ทำน้ำให้ดื่ม เพราะเขาต้องบำบัดที่โรงพยาบาลประจำ  ปรากฏว่า ในช่วงต้นปีนี้ไม่กี่เดือนอาการดีขึ้นมาก ตรวจไม่พบเชื้อมะเร็ง ไม่แพ้รังสี ผิวพรรณดี สามารถมีผลตรวจพิสูจน์ได้ 


    จากประสบการณ์ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ เพื่อหวังว่าจะได้เผยแพร่สิ่งดีๆ ให้กับพี่น้องร่วมโลกได้มีสุขภาพที่ดี พลามัยสมบูรณ์  ขณะนี้ครอบครัวของผมถือได้ว่า “เป็นครอบครัวเอ็มเร็ท ที่มีสุขภาพเข็งแรงที่ยั่งยืนครับ”



About Story

บทความในเว็บไซต์นี้เป็นความคิดเห็น และประสบการณ์ตรงของเจาของเรื่องแต่ละท่าน ภาพและข้อความต่างๆ ที่ปรากฎในเว็บไซต์ ผู้อ่านพึงใช้ดุลยพินิจในการอ่านด้วยตนเอง
ทางผู้จัดทำขอสงวนสิทธิ์ข้อความทั้งหมดรวมถึงภาพประกอบต่างๆ ห้ามมิให้ผู้ใดไปทำซ้ำ ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร

About Reference

ขอขอบคุณบทความจาก "หนังสือฟังเขา (เธอ) เล่า น้ำแอคทิเวท ดีจริงหรือ ? ฉบับพิเศษ"
จัดพิมพ์โดย Health Channel Magazine
จัดจำหน่ายโดย K.K Publishing
ISBN : 978-974-496-190-7

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เส้นเลือดตีบในหัวใจคุณครูดีเด่น ดิฉันดื่มน้ำอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่เชื่อก็ลองดู

   
    อดีตเรือจ้างผู้นี้ทำงานอย่างหนักมาตลอดเพราะการสอนหนังสือนั้นเป็นงานหนักที่ต้องทุ่มเทอย่างมากเป็นเหตุให้คุณครูประสบกับปัญหาการพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้สุขภาพไม่สู้จะแข็งแรงนักและต่อมาก็เป็นโรคความดันโลหิตสูงเส้นเลือดหัวใจตีบเป็นโรคภูมิแพ้และอื่นๆอีกสารพัดโรค
      
       
       
       การเจ็บป่วยจากโรคที่ว่านั้นคุณนิตยาเป็นมาตั้งแต่อายุ 50 ปีเศษ กระทั่งปัจจุบันเป็นข้าราชการบำนาญอายุ 72 ปีเศษ เป็นวัยที่ต้องดูแลสุขภาพอย่างมาก
  
       “ดิฉันได้เกิดความสนใจน้ำปรับโมเลกุลอย่างมาก เพราะเป็นทางเลือกหนึ่งในการช่วยส่งเสริมการดูแลสุขภาพจึงเริ่มสั่งซื้อน้ำปรับโมเลกุลมาทดลองดื่ม เมื่อดื่มครั้งแรกปรากฏว่าคืนนั้นนอนหลับสบายทั้งคืน ตื่นนอนตอนเช้ารู้สึกสดชื่นกว่าทุกวัน และคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองทุกวัน ทำงานบ้านไม่เหนื่อยทั้งวันร่างกายแข็งแรงออกกำลังกายแอโรบิคลีลาศได้เป็นประจำ”
  
       “ระบบขับถ่ายดีมาก ท้องไม่ผูก ปัสสาวะใสไม่เป็นฟองเหมือนเมื่อก่อนความดันโลหิตปกติดี ทุกวันนี้ไม่คิดมาก ไม่วิตกกังวล ร้องเพลงอย่างมีความสุขและผลการตรวจเลือดก็ดีขึ้นกว่าเดิม”
  
       “บางครั้งที่ดิฉันคันตาหรือคันตามผิวหนังก็จะใช้น้ำปรับโมเลกุล ล้างตาล้างหน้าทาบริเวณที่คันและใช้อาบน้ำรู้สึกสบายตัวไม่คันอีกต่อไปนอกจากนี้ยังนำมาสเปรย์ผิวหน้าผิวหนังรู้สึกได้ว่าผิวจะเต่งตึง”
  
       คุณนิตยาใช้ชีวิตใหม่อย่างมีความสุขร่วมกับสามี ทั้งคู่สนใจและติดตามข้อมูลข่าวสารของน้ำปรับโมเลกุลอยู่เสมอ อีกทั้งยังไปร่วมฟังบรรยายทุกครั้งที่มีการจัดสัมมนาพร้อมกับได้ดื่มน้ำปรับโมเลกุลพร้อมๆกับสามี
  
       “สามีอายุ 78 ปีแล้ว สุขภาพยังแข็งแรงดีมากไม่มีโรคภัยไข้เจ็บสุขภาพดีและจิตใจดีมากเล่นเทนนิสเป็นประจำ วิ่งได้สบายสามีบอกว่าน้ำปรับโมเลกุลดีจริงๆ และเขาตั้งโปรแกรมเอาไว้ว่าจะมีอายุ 130 ปี”
  
       ทั้งคุณนิตยา และสามีร่วมกันผลิตน้ำปรับโมเลกุล ทุกวันให้กับคนในบ้านและแบ่งปันให้ญาติและเพื่อนบ้านได้ดื่ม
  
       “ทุกคนบอกว่าน้ำปรับโมเลกุลดีมากคนที่มีผื่นคันตามตัวก็หายไปนอนหลับสบายส่วนเพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งล้มเส้นเลือดในสมองแตกต้องเข้ารับการผ่าตัดอาการหนักมาก เมื่อดิฉันทราบข่าวจึงให้ภรรยาของคนป่วยมารับน้ำปรับโมเลกุลไปให้คนป่วยดื่มเมื่อเขาไปหาหมอๆ บอกว่าอาการเขาดีขึ้นกว่าคนไข้รายอื่นๆ มากขณะนี้อาการเขาก็ดีขึ้นตามลำดับขยับตัวได้ฟังคนพูดได้เข้าใจและรับประทานอาหารได้ดี”
  
       เมื่อร่างกายมีกำลังกายที่แข็งแรง และสุขภาพดีขึ้นแล้ว คุณนิตยาจึงนำน้ำปรับโมเลกุลมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
  
        “ดิฉันใช้น้ำปรับโมเลกุลมาเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารคาวหวานทำให้อาหารไม่เสียเร็วอยู่ได้หลายวันใช้หุงข้าวข้าวที่หุงด้วยน้ำปรับโมเลกุลจะนุ่มเหมือนข้าวใหม่ เมื่อก่อนหุงด้วยน้ำธรรมดาข้าวจะเสียเร็ว”
  
       “นำไปผสมน้ำผลไม้อย่างน้ำส้มน้ำแอปเปิ้ลจะได้รสชาติอร่อยกลมกล่อมเวลาปอกผลไม้แล้วนำไปแช่ในน้ำปรับโมเลกุลผมไม้จะสดกรอบไม่ดำน่ารับประทาน”
  
       “ดิฉันยังนำเอาเนื้อสัตว์ไปแช่ในน้ำปรับโมเลกุลอีกด้วยรู้สึกว่าเนื้อสัตว์ที่แช่จะสดไม่เสียง่ายนำไปประกอบอาหารจะสดใหม่”
  
        “เมื่อนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันแล้วดิฉันจึงนำมาให้สัตว์เลี้ยงดื่มไม่ว่าจะเป็นหมา แมว สัตว์จะมีขนปุกปุยสะอาด ดวงตาแจ่มใส ร่าเริง ชอบเล่นซุกซนกับเจ้าของ”
  
       “ยังมีพืชผัก ดอกไม้ที่นำน้ำปรับโมเลกุลไปรด สังเกตดูว่าจะโตเร็ว สดชื่นงอกงามดีไม้ดอกจะมีดอกเร็วไม้ใบก็จะเขียวขจีเก็บมารับประทานได้ทุกวัน”
  
       ทุกวันนี้คุณนิตยาใช้ชีวิตใหม่ในบั้นปลายอย่างมีความสุขด้วยการดูแลสุขภาพร่างกายอย่างใกล้ชิดทำให้สุขภาพดีขึ้นกว่าเมื่อครั้งยังรับราชการ อย่างมากและไม่เป็นปัญหาหรือภาระของคนในครอบครัวอีกต่อไป



       ประสบการณ์ตรงของคุณนิตยา แก้วเกิดเคน ดูแลสุขภาพด้วยการดื่มน้ำที่เพียงพอ
       ที่มา : สำนักพิมพ์ Health Channel
       หมายเหตุ : บทความที่ลงในเว็บไซต์นี้เป็นความคิดเห็นของเจ้าของเรื่องเท่านั้น ภาพและข้อความต่างๆที่ปรากฏผู้อ่านควรใช้ดุลยพินิจในการอ่าน
  
       ไม่มีน้ำ ไม่มีชีวิต
       น้ำไม่ใช่ยา
       น้ำคุณภาพส่งเสริมสุขภาพ
       Without water, there is no life…(Peter Agre,Nobel 2003)
       

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ไม่มีอะไรที่ประเสริฐเท่ากับการที่เรามีสุขภาพที่ดี จวบจนสิ้นอายุขัย


ไม่มีอะไรที่ประเสริฐเท่ากับการที่เรามีสุขภาพที่ดี จวบจนสิ้นอายุขัย

ไม่มีอะไรที่ประเสริฐเท่ากับการที่เรามีสุขภาพที่ดี
จวบจนสิ้น
อายุขัย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ไชยยันต์ ไชยยะ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
กรุงเทพมหานคร

              
ผมใช้เวลาเกือบทั้งหมด
ทุ่มเทให้กับการทำงาน
แต่สิ่งที่ผมต้องแลกกับการประสบความสำเร็จ
คือ สุขภาพที่แย่ลงทุกวัน นอนไม่เต็มอิ่ม เครียดและโมโหง่าย

    ผม นายไชยยันต์ ไชยยะ ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ระดับ 8  ผมมีประสบการณ์โดยตรงจากการได้ดื่มน้ำ MRET มาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี


    ผมเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2546  ตลอดเวลาที่ทำงานอยู่นั้น ผมได้ใช้เวลาเกือบทั้งหมดทุ่มเทให้กับการทำงาน  ไม่ว่าจะเป็นงานสอนหนังสือ งานวิจัย อาจกล่าวได้ว่า ผมใช้เวลาอยู่ที่ทำงานมากกว่าอยู่ที่บ้านเสียอีก  แต่สิ่งที่ผมต้องแลกกับการประสบความสำเร็จด้านการทำงานก็คือ สุขภาพของผมที่ย่ำแย่ลงทุกวัน อันเนื่องมาจากการนอนไม่เป็นเวลา ความเครียด โภชนาการที่ไม่ดี และขาดการออกกำลังกาย

    จากการตรวจสุขภาพของผมในช่วงปี พ.ศ.2548-2551 ไม่เคยมีปีไหนเลยที่ค่าปริมาณคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์จะต่ำกว่า 200  นอกจากนั้น ค่าปริมาณน้ำตาลและค่าความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งยังอยู่ในช่วงที่อันตรายอีกด้วย  แต่ผลตรวจร่างกายเหล่านั้น ยังไม่โหดร้ายเท่ากับสิ่งที่ร่างกายของผมตอบสนองต่อการดูแลสุขภาพที่ไม่ถูกต้อง เช่น ผิวพรรณที่ไม่สดใสแห้งกร้าน  รู้สึกนอนไม่เต็มอิ่มทุกๆ เช้า ไม่ว่าจะนอนมานานกี่ชั่วโมงแล้วก็ตาม  สมรรถภาพร่างกายอ่อนแอ  ปวดเมื่อยง่าย  และที่สำคัญผมกลายเป็นคนเครียดและโมโหง่าย ซึ่งส่งผลเสียต่อการทำงานอย่างรุนแรง


    จนกระทั่งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 ผมได้รับการแนะนำถึงเครื่องชนิดหนึ่ง ที่ใช้พลังงานสนามแม่เหล็กมาเปลี่ยนแปลงโมเลกุลของน้ำได้ จากเพื่อนอาจารย์ด้วยกัน  ก่อนหน้านั้นผมก็ได้พบเห็นมาบ้างทางรายการทีวี  ในความรู้สึกของผมช่วงนั้น รู้สึกว่าสินค้าที่โฆษณาทางเคเบิลทีวีนั้น ส่วนมากจะเป็นการหลอกลวง และสรรพคุณไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ ทำให้ในช่วงนั้นผมยังไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่นัก
เพื่อนอาจารย์ท่านนั้นตัดสินใจซื้อ
เครื่อง MRET มาใช้ และได้กรุณาผลิตน้ำจากเครื่องดังกล่าวมาให้ผมทดลองดื่ม

    ถ้าไม่เจอกับตัวเอง นักวิชาการสายวิทยาศาสตร์อย่างผมคงไม่เชื่อ เพียงน้ำ 1 ขวด 1.5 ลิตร ที่เพื่อนอาจารย์ทำมาให้ดื่มในวันนั้น ทำให้คืนนั้นผมนอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เป็นมานานแล้ว  นอกจากนั้นในรุ่งเช้าก็รู้สึกสดชื่น  ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหายไปหมดสิ้น  ผมรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในครั้งนั้น แต่คงยังสรุปผลใดๆ ไม่ได้หรอกครับ  มันอาจจะเป็นความบังเอิญพอดีก็ได้ ที่วันนั้นผมหลับสนิท
ดังนั้น สิ่งที่ผมทำต่อไปคือ โทรศัพท์ไปสั่ง
น้ำ MRET 24 ขวด  ตลอดเวลาที่ผมดื่มน้ำ MRET นั้น สิ่งที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปก็คือ การนอนหลับสนิท  เมื่อตื่นตอนเช้าก็จะรู้สึกได้ว่าสดชื่น  เหมือนร่างกายได้พักผ่อนจริงๆ สักที
เมื่อดื่มน้ำ MRET 24 ขวดนั้นหมด ผมตัดสินใจทันทีที่จะซื้อเครื่อง MRET โดยไม่ลังเล


    หลังจากนั้น ผมได้ดื่ม
น้ำ MRET มาโดยตลอด  ตลอดเวลาที่ผ่านมาสุขภาพร่างกายผมก็ดีขึ้นตามลำดับ  แน่นอน...น้ำ MRET ไม่ใช่ยาวิเศษ  สี่งที่เราต้องทำควบคู่กันไปคือ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  แต่จะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ถ้าหลังการออกกำลังกายของเราแต่ละครั้ง เราได้ดื่มน้ำที่มีโครงสร้างโมเลกุล ที่เหมาะสมต่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย  เพราะนั่นจะเป็นแรงเสริมที่สำคัญ ที่จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง  เนื่องจากออกซิเจนจะสามารถเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตได้เร็วและทั่วถึง  ส่งผลให้ความเข้มข้นและความเป็นกรดด่างของโลหิตอยู่ในสภาวะสมดุล ซึ่งส่งผลต่อความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งที่น้อยลงไปด้วย
สิ่งที่ผมกล่าวมานี้ มิได้เกิดจากการสมมุติขึ้น หรือพยายามนำเสนอสิ่งที่เกินเลยข้อเท็จจริง  หากแต่เป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้จากหลักฐานทางการแพทย์สองปีล่าสุด ซึ่งอยู่ในช่วงที่ผมได้ดื่ม
น้ำ MRET พร้อมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 

    ปัจจุบัน น้ำหนักผมลดลงกว่า 8 กิโลกรัม  ปริมาณคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ก็ลดลงกว่าเดิม 40 เปอร์เซ็นต์  ค่าน้ำตาลและความเสี่ยงโรคมะเร็งก็ลดลงมากเช่นกัน
สิ่งที่ดีใจที่สุดคือ ผมยังทำงานหนักได้เหมือนเดิม โดยที่ไม่มีความเครียด  รู้สึกสบายในทุกๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมา  ร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน  รวมทั้งคนในครอบครัวผมทุกคนที่ได้ดื่ม
น้ำ MRET ต่างก็พบสิ่งเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

    สิ่งที่ผมนำเสนอมานี้ มิได้ต้องการที่จะช่วยเพิ่มยอดขายใดๆ แก่ทางบริษัทผู้จำหน่ายเลย เพราะผมเองก็มิได้รับผลประโยชน์ใดเช่นกัน  แต่สิ่งที่ผมต้องการจะทำคือ แบ่งปันสิ่งดีๆ ให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งคงไม่มีอะไรที่ประเสริฐเท่ากับการที่เรามีสุขภาพที่ดี ตามสภาพสังขารของเราจวบจนสิ้นอายุขัย


About Story

บทความในเว็บไซต์นี้เป็นความคิดเห็น และประสบการณ์ตรงของเจ้าของเรื่องแต่ละท่าน ภาพและข้อความต่างๆ ที่ปรากฎในเว็บไซต์ ผู้อ่านพึงใช้ดุลยพินิจในการอ่านด้วยตนเอง
ทางผู้จัดทำขอสงวนสิทธิ์ข้อความทั้งหมดรวมถึงภาพประกอบต่างๆ ห้ามมิให้ผู้ใดไปทำซ้ำ ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


About Reference

ขอขอบคุณบทความจาก "หนังสือฟังเขา (เธอ) เล่า น้ำแอคทิเวท ดีจริงหรือ ? ฉบับพิเศษ"
จัดพิมพ์โดย Health Channel Magazine
จัดจำหน่ายโดย K.K Publishing
ISBN : 978-974-496-190-7

Tagged under 




วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ได้ดื่ม “น้ำเอ็มเร็ท” ได้รับจุดเปลี่ยนของชีวิต


ได้ดื่ม “น้ำเอ็มเร็ท” ได้รับจุดเปลี่ยนของชีวิต

ได้ดื่ม “น้ำเอ็มเร็ท” ได้รับจุดเปลี่ยนของชีวิต

ได้ดื่ม “น้ำเอ็มเร็ท” ได้รับจุดเปลี่ยนของชีวิต

โชคชัย โชติมานุกูล
เกษตรกร 
อุดรธานี

ผมได้รับการตรวจอัลตร้าซาวด์ ครั้งที่ 4 
คุณหมอบอกว่า
ก้อนเนื้อที่ติดที่ตับ เล็กลงอยู่ที่ 0.5 เซนติเมตร

    ผม โชคชัย โชติมานุกูล ปัจจุบันอายุ 60 ปี อาชีพเกษตรกร ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี  มีลูกสาว 3 คน  ลูกชาย 1 คน  ทุกคนมีหน้าที่การงานที่ดี  ผมต้องขอบคุณลูกทุกคน ที่เอาใจใส่สุขภาพพ่อ-แม่เป็นอย่างดี  ซึ่งอาชีพของผมต้องทำงานหนัก ทำให้สุขภาพทรุดโทรม  โดยเฉพาะลูกสาวคนโตที่มีโอกาสสัมผัสคุณค่าของการดื่มน้ำเอ็มเร็ทจากที่ทำงาน  แล้วนำน้ำดื่มแอคทิเวทเอ็มเร็ทมาให้พ่อ-แม่ดื่ม แล้วมีสุขภาพแข็งแรง  และมีโอกาสเข้ารับฟังการสัมมนาของบริษัทฯ 1 ครั้ง  นอกจากนั้น ผมยังได้รู้จักน้ำเอ็มเร็ทในรายการทีวี ทำให้ผมมั่นใจและรู้จักความ “มหัศจรรย์” ของน้ำดื่มเอ็มเร็ทอย่างแท้จริง  ไม่เช่นนั้นผมจะต้องประสบกับความทุกข์ทรมานกับโรคภัยไปอีกนานแสนนาน  จะว่าไปแล้วก็เหมือน“ปาฏิหาริย์” ตายแล้วเกิดใหม่จริงๆครับ


    เมื่อปีพ.ศ. 2551 ผมมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้อ่อนเพลียมาก จึงไปพบแพทย์ที่คลินิกบ้านห้วยการแพทย์ ตรวจรักษาโดยนายแพทย์สัญชัย พิพิธพร แพทย์อายุรกรรมประจำโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี     คุณหมอได้ตรวจอัลตร้าซาวด์ที่ช่องท้องก็พบว่า มีเนื้องอกเล็กๆ ติดอยู่ที่ตับมีขนาด 0.6 เซนติเมตร  คุณหมอให้ยามารับประทาน และให้มาตรวจทุก 6 เดือน 
จนถึงปีพ.ศ. 2552 ผมมีอาการปวดหลัง ชาที่ขาทั้งสองข้าง นอนไม่หลับ และยังมีอาการปัสสาวะติดขัด  ท้องผูก  ถ่ายอุจจาระแต่ละวัน ลำบากมาก  แม้แต่จะทำประกันชีวิตก็มีปัญหา  ในการตรวจสุขภาพ พบคอเลสเตอรอลสูงมาก 
ผมไม่เคยท้อ เพราะมั่นใจว่าการดื่มน้ำเอ็มเร็ทจะช่วยผมให้มีสุขภาพดีขึ้นได้  ลูกสาวได้ส่งน้ำมาให้ผมดื่มควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์


    ท่านเชื่อหรือไม่ว่า การรักษาโรคต่างๆ ควบคู่ไปกับการดื่ม
น้ำเอ็มเร็ทเป็นประจำทุกวัน ทำให้สุขภาพผมดีขึ้นมาก  ผมได้ไปพบแพทย์ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2553  ผมได้รับการตรวจอัลตร้าซาวด์ ครั้งที่ 4 คุณหมอบอกว่า ก้อนเนื้อที่ติดที่ตับเล็กลงอยู่ที่ 0.5 เซนติเมตร ปัญหาปัสสาวะติดขัด และอาการท้องผูกก็ไม่เกิดขึ้นกับตัวผมอีก


    วันที่ 17 สิงหาคม 2553 ผมได้ไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจอาการปวดหลังและขา ที่ศูนย์โรคกระดูกและข้อที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ขอนแก่น  คุณหมอบอกว่า อาการดีมาก  ปกติทุกอย่าง  ไม่ต้องกินยาอีกต่อไป
นอกจากนั้น ผมได้ไปตรวจร่างการที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ตามวันเวลาที่แพทย์นัด เพื่อตรวจโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคตับ และคอเลสเตอรอล  คุณหมอบอกร่างกายปกติไม่มีโรคอะไร และภายในระยะเวลา 3 เดือน ผมสามารถลดน้ำจาก 76 กิโลกรัม ขณะนี้น้ำหนักอยู่ที่ 62 กิโลกรัม


    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมอีก เมื่อเดือนกรกฎาคม 2553 ญาติที่เพิ่งเกษียณอายุราชการจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 2 ชลบุรี คือคุณชุมจิต นาคไพจิตร ได้มีอาการป่วยไม่ทราบสาเหตุ  น้ำหนักลด  ผมร่วง  รับประทานอาหารไม่ได้  ดื่มน้ำก็ลำบาก  ลูกๆ ได้นำส่งโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา บางแสน ชลบุรี  แพทย์ตรวจเลือดหาสาเหตุทุกวัน แต่ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ ว่าป่วยจากสาเหตุอะไร  คนไข้มีอาการทรุดหนัก  ผมจึงแนะนำให้คนไข้ดื่มน้ำเอ็มเร็ท และส่งไปให้ดื่ม 1 ลัง เพื่อจะได้ช่วยระบบขับถ่ายได้บ้าง  เมื่อคนไข้เริ่มดื่มน้ำ ก็เกิดอาการปวดท้อง ขับถ่ายของเสียออกมา  ทำให้คนไข้และลูกๆ ดีใจมาก และได้โทรศัพท์มาขอบคุณ และให้ลูกสาว คือคุณสุหัทยา โชติมานุกูล ช่วยส่งน้ำแอคทีฟ วัน ทู โอ จำนวน 3 ลัง  และยังบอกกับผมว่า นอกจากจะดื่มประจำ ยังจะบอกญาติและเพื่อนให้รู้จักน้ำเอ็มเร็ทให้แพร่หลายต่อไป


    หลังจากนั้น ลูกๆได้พาคุณชุมจิต นาคไพจิตร มาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  แพทย์ได้ตัดเนื้อที่ใบหูและมือไปตรวจหามะเร็ง ก็พบว่า ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง (โรคพุ่มพวง) สามารถรักษาหายขาดได้  คนไข้กลับบ้านได้และต้องมาพบแพทย์ทุก 1 เดือน  ทุกวันนี้ คนไข้รับประทานอาหารได้ ระบบขับถ่ายดี ยังบอกกับผมว่า การดื่มน้ำเอ็มเร็ทสามารถช่วยได้จริงๆ และจะดื่มน้ำให้มากที่สุด เพื่อจะได้มีอายุยืนยาวอยู่กับลูกหลานตลอดไป


    จากประสบการณ์ที่ผมและครอบครัวตลอดทั้งญาติๆ ได้รู้จักและดื่ม
น้ำเอ็มเร็ท ก็พบว่า สามารถสกัดโรคต่างๆได้  นับเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน และผมยังพบว่า นอกจากจะใช้ดื่มเพื่อสุขภาพแล้ว ยังสามารถนำไปเช็ดล้างหน้าที่มีกระ จุดด่างดำให้ขาวสะอาดได้  และยังใช้รักษาสุนัขตัวโปรดที่เป็นเชื้อรา  เมื่อนำน้ำเอ็มเร็ทเช็คตามตัวสุนัข แผลจะหายคัน  แผลจะแห้ง  และหายจากโรคเชื้อราในที่สุด
ผมขอขอบพระคุณผู้ผลิตและคิดค้นน้ำเอ็มเร็ท ที่ทำให้ชีวิตของผมและญาติตลอดทั้งเพื่อนๆ ที่ได้เป็นผู้โชคดี ได้รู้จักน้ำวิเศษที่ช่วยชีวิตจนทุกคนที่ได้ดื่มน้ำ “เอ็มเร็ท” ได้รับจุดเปลี่ยนของชีวิต


About Story
บทความในเว็บไซต์นี้เป็นความคิดเห็น และประสบการณ์ตรงของเจ้าของเรื่องแต่ละท่าน ภาพและข้อความต่างๆ ที่ปรากฎในเว็บไซต์ ผู้อ่านพึงใช้ดุลยพินิจในการอ่านด้วยตนเองทางผู้จัดทำขอสงวนสิทธิ์ข้อความทั้งหมดรวมถึงภาพประกอบต่างๆ ห้ามมิให้ผู้ใดไปทำซ้ำ ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
About Reference
ขอขอบคุณบทความจาก "หนังสือฟังเขา (เธอ) เล่า น้ำแอคทิเวท ดีจริงหรือ ? ฉบับพิเศษ"
จัดพิมพ์โดย Health Channel Magazine
จัดจำหน่ายโดย K.K Publishin
ISBN : 978-974-496-190-

ความสุขของครอบครัวกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อเราได้มาพบกับน้ำ “เอ็มเร็ท”


ความสุขของครอบครัวกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อเราได้มาพบกับน้ำ “เอ็มเร็ท”

ความสุขของครอบครัวกลับคืนมาอีกครั้ง  เมื่อเราได้มาพบกับน้ำ “เอ็มเร็ท”

ความสุขของครอบครัวกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อเราได้มาพบกับน้ำ “เอ็มเร็ท”

ไกรสีห์ เจติยานนท์
ธุรกิจส่วนตัว
สุโขทัย

ลูกชายวัยหกขวบ ต้องทรมานจากอาการคันตลอดเวลา ต้องงดอาหารหลายอย่าง วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ไม่ได้ นอนก็ไม่มีสุข ใช้ชีวิตประจำวันไม่เหมือนเพื่อนๆ เปลี่ยนหมอที่รักษามาหลายท่าน เปลี่ยนยาที่แรงขึ้น จำนวนยามากขึ้น โดยที่หาข้อสรุปทางการแพทย์ไม่ได้ว่า แพ้อะไร เพราะก็แพ้ไปหมดทุกอย่าง คำตอบที่น่าเศร้าจากหมอคือ

“ไม่มีทางรักษาหายขาด  โรคนี้จะเป็นตลอดชีวิต...”

    หลายคนคงนึกไม่ออกว่า โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือที่เรียกว่า Atopic dermatitis ซึ่งไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอะไร จะสามารถสร้างความทรมานให้กับผู้ที่เป็น และส่งผลกับการดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างไร  ลองมาอ่านประสบการณ์ของครอบครัวของเราที่ได้ประสบมา ก่อนที่จะได้พบกับน้ำวิเศษ ที่ทำให้ความสุขของครอบครัวเรากลับคืนมาอีกครั้ง


    ผมทำธุรกิจส่วนตัวครับ  มีสมาชิกครอบครัว รวมหกคน ประกอบด้วยผมกับภรรยา  ลูกชายสองคน และตากับยายของหลานๆ  แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่ผ่านมา ตอนลูกชายคนเล็กอายุได้หกขวบ  เริ่มมีผื่นคันตามข้อพับแขนและขา  เป็นผื่นแดงกว้างและผิวหนังแห้ง มีอาการคันอย่างมาก จึงได้พาไปรักษากับหมอเด็ก ซึ่งแนะนำก็ให้ทาน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ให้เลิกดื่มนมวัว เปลี่ยนมาดื่มนมแพะ   เลิกกินอาหารที่ทำจากแป้งสาลีและยีสต์  ให้ใช้สบู่เหลวอาบน้ำ  และกินยาแก้แพ้  อาการก็ทุเลาลงไปบ้าง  เป็นๆ หายๆ แต่ก็ไม่ดีขึ้น


    ผมตัดสินใจเปลี่ยนไปรักษากับแพทย์ภูมิแพ้โดยตรง ซึ่งหมอสั่งยาให้กินทุกวัน   เราอดทนไปหาหมอทุกเดือน และจะได้รับยามากินจำนวนมาก  ใช้โลชั่นราคาแพงที่สุดเท่าที่คิดว่าดีที่สุด ตามที่แพทย์แนะนำทุกอย่าง  รวมถึงการทดสอบสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งลูกก็ต้องเจ็บตัวฟรี 


    สุดท้ายก็ไม่ได้ข้อสรุปว่า แพ้อะไรอยู่ดี เพราะแพ้ไปหมดทุกอย่าง


    ลูกมีอาการคันมากขึ้น  และอาการเหล่านี้ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของลูกเป็นไปอย่างน่าสงสารและทรมาน   ลูกจะเกาตลอดเวลา  ต้องอยู่ในที่อากาศเย็น อาการจึงจะพอทุเลา  อาหารการกินก็ต้องเลือกกิน จนลูกแทบจะไม่ได้กินอะไรเลย  สุดท้ายผมก็ต้องปล่อยให้ลูกกินอย่างที่เขาต้องการบ้าง เพราะไม่อย่างนั้นลูกก็คงไม่ได้กินอะไรสักอย่าง   และแล้วอาการก็กลับมาเป็นมากขึ้นอีก  เริ่มมีผื่นแดงขึ้นที่หน้าและลำตัวด้วย ผิวที่แขน ขา คอ หน้าและลำตัว จะเป็นผื่นแดง ทั้งแห้งและหยาบ


    กลางคืนลูกก็ต้องตื่นมาเกา จนไม่ได้หลับได้นอน  บางครั้งแผลก็ติดเชื้อจนกลายเป็นหนอง และเป็นไข้ในที่สุด  เมื่อแผลติดเชื้อมาก ลูกไม่สามารถร่วมกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดได้เช่นเด็กคนอื่น  เพราะอยู่ในที่อากาศร้อนจัดไม่ได้  ห้ามตากแดด   และวิ่งเล่นในสนามหญ้าไม่ได้ เพราะจะแพ้เกสรดอกไม้  ต้องใส่เสื้อแขนยาวไปโรงเรียน เพื่อไม่ให้เกาที่แขนแรงมากเกินไป


    ช่วงเวลานั้นแทบลืมไปเลยว่า ก่อนหน้านี้ลูกใช้ชีวิตประจำวันอย่างปกติเป็นอย่างไร  ลูกทรมานกับเรื่องแบบนี้มาเป็นปีๆ ผมน้ำตาตกหลายครั้ง เมื่อรู้สึกว่า ไม่สามารถทำอะไรให้ลูกได้มากไปกว่าการทาโลชั่น และช่วยเขาเกาในเวลากลางคืน  ลูกไม่เคยนอนเต็มอิ่มเต็มตาในเวลากลางคืน เพราะจะคันมาก  แม้ว่าจะกินยาแก้คันก่อนนอนแล้วก็ตาม


    ท้ายที่สุด เราพาลูกไปรักษากับสถาบันโรคผิวหนังฯ ซึ่งเมื่อแพทย์เห็นหน้าลูก ก็บอกเลยว่า ไม่มีทางรักษาหายขาด  จะเป็นตลอดชีวิต  และต้องกินและทายาที่เป็นสเตียรอยด์ควบคุมอาการไปเรื่อยๆ  ไม่ว่าจะเปลี่ยนสถานที่รักษากี่แห่ง การรักษาก็ยังคงเป็นไปในแบบเดียวกัน 


    รักษากันอยู่อย่างนี้เกือบสามปี จนกระทั่งมาพบกับอาจารย์สุโข จันทร์นวล ซึ่งท่านได้เล่าถึงสรรพคุณของน้ำวิเศษนี้ให้ฟัง และมอบหนังสือมาอ่าน พร้อมกับนำน้ำมาให้ทดลองดื่ม ซึ่งเราก็คิดว่าคงไม่เสียหายอะไร เป็นแค่น้ำ  จึงได้เริ่มให้ลูกทดลองดื่มดู 


    เมื่อดื่มไปสักเดือนแรกก็เริ่มเห็นผล  ปรากฏว่า ผิวของลูกที่เคยอักเสบทั้งที่หน้า แขน และขา  อาการดังกล่าวลดลงจนเป็นปกติ  จากที่ตอนแรกกินควบคู่กับยา  ต่อมาจึงได้ทดลองเลิกยาที่กินทั้งหมด หันมาดื่มน้ำวิเศษอย่างเดียว


    ผ่านไปเดือนที่สองและสาม  อาการคันก็ทุเลาลงมาก ผื่นลดลง  แม้ว่าจะทดลองกินอาหารที่เคยห้ามหรืออยู่ในที่ๆ อากาศร้อนจัด เย็นจัด  ลูกสามารถนอนหลับในเวลากลางคืนได้เป็นปกติ เพราะไม่มีอาการคันในตอนกลางคืนเลย


    เมื่อผลการทดลองได้ผลดีเช่นนี้ ผมจึงไม่ลังเลที่จะสั่งซื้อเครื่องทำ
น้ำปรับโมเลกุล MRET มาใช้ทันทีทีเดียว  ปัจจุบัน ลูกดื่มน้ำเอ็มเร็ทมากว่าห้าเดือนแล้ว  อาการของลูกเกือบเป็นปกติ  ผิวหนังที่เคยแห้งก็ชุ่มชื้นขึ้น ไม่มีผื่น ไม่มีอาการคันและอักเสบของผิวหนัง  ลูกอยากกินอาหารทะเล นมวัว หรืออาหารที่มีแป้งสาลี ลูกก็สามารถกินได้ตลอด  หน้าตาของลูกก็สดใสขึ้น


    ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ครับ ว่าน้ำวิเศษนี้จะทำให้ลูกของผม ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไปได้แล้ว  สามารถใช้ชีวิตประจำวันที่โรงเรียน ร่วมกิจกรรมได้ทุกชนิด จนใครๆ ก็ทักว่า ลูกหายดีแล้ว


    ครอบครัวของเราเริ่มมีความสุขอีกครั้ง  ไม่ต้องเทียวเข้าออกโรงพยาบาลแทบทุกเดือนเหมือนเมื่อก่อน  ไม่ต้องคอยกังวลว่า ลูกจะกินอะไรหรืออยู่ในที่ๆ จะทำให้เขาแพ้อะไรอีก  ขอขอบคุณอาจารย์สุโข จันทร์นวล  และขอขอบคุณน้ำดื่มเอ็มเร็ท น้ำวิเศษที่ทำให้ความสุขของครอบครัวของเรากลับคืนมาอีกครั้ง








วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

น้ำปรับโมเลกุล เพิ่มภูมิคุ้มกัน



น้ำปรับโมเลกุล เพิ่มภูมิคุ้มกัน

วิจัยพบการดื่มน้ำปรับโมเลกุลให้สูงขึ้น อาจมีผลช่วยบรรเทาความเจ็บป่วยได้

“น้ำ” ของเหลวที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิต และในร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบราวร้อยละ 70-75 โดยร่างกายมีการสูญเสียน้ำตลอดเวลา จึงมีคำแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อทดแทนและให้การทำงานของเซลล์ในร่างกายเป็นไปอย่างปกติ
นพ.พีรยศ ตรงสวัสดิ์ แพทย์นักสาธารณสุข กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ “อิทธิพลของน้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ทที่ส่งผลต่อผู้ป่วยโรคต่างๆ” โดยยกตัวอย่างเครื่องปรับโมเลกุลน้ำของเอ็มเร็ท ว่า ปัจจุบันมีนวัตกรรมนาโนเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโมเลกุลของน้ำสะอาดธรรมดาให้กลายเป็นน้ำที่มีคุณสมบัติพิเศษคล้ายน้ำพุภูเขาธรรมชาติพร้อมใช้งานสำหรับเซลล์ในร่างกาย มีลักษณะ 4 ประการ คือ ป้องกันเชื้อไวรัส ป้องกันแบคทีเรีย ป้องกันเชื้อราและยับยั้งการเกิดเนื้องอก
นอกจากนี้ นพ.พีรยศ เผยว่า เรื่องของน้ำปรับโมเลกุล มีการทำวิจัยล่าสุดโดยศึกษาเปรียบเทียบระดับภูมิคุ้มกัน ซึ่งวัดจากเม็ดเลือดขาวที่เป็นระบบภูมิต้านทางของร่างกายต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส โดยสองค่าที่นิยมเทียบ คือ ซีดี 4 และซีดี 8 โดยเฉพาะค่าซีดี4 ไม่ควรต่ำกว่า 200-250 มิฉะนั้นเข้าข่ายเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อน หรือเรียกว่าภูมิคุ้มกันบกพร่อง และยังเทียบกับปริมาณเชื้อ HIV ในผู้ป่วยเอดส์ที่ดื่มน้ำปรับโมเลกุลกับน้ำธรรมดา ได้ผลสรุปว่า ผู้ป่วยที่ดื่มน้ำปรับโมเลกุล 6 เดือน มีปริมาณ ซีดี4 แตกต่างจากตอนก่อนดื่มน้ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (Non-Parametric Statistical Analysis)
และเมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย ซีดี4 หลังดื่มน้ำปรับโมเลกุลจะเห็นว่ามีปริมาณ ซีดี4 เพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนดื่มน้ำ และปริมาณไวรัสเฉลี่ยลดลงต่อเนื่อง ซึ่งหมายถึงน้ำช่วยฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยเอดส์ควบคู่ไปกับยาต้านไวรัสได้.
ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@gmail.com
http://www.dailynews.co.th/article/822/134553