วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รู้จักเทคโนโลยี "MRET" ก่อนดื่ม "น้ำแอคทิเวท"


รู้จักเทคโนโลยี "MRET" ก่อนดื่ม "น้ำแอคทิเวท"



ดร.โฮวอร์ด ดับบลิว ฟิชเชอร์ (ที่ 2 จากซ้าย) และ ศ.เกียรติคุณ ดร.ไมตรี สุทธจิตต์ (ขวาสุด) พร้อมด้วยผู้บริหารของ บริษัท เฮลท์ รีเลชั่นส์ จำกัด ในงานเปิดตัวหนังสือ Molecular Resonance Effect Technology: The Dynamic Effect On Human Physiology เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 52 ณ โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน (ภาพโดย บริษัท เฮลท์ รีเลชั่นส์ จำกัด)
คุ้นหูกันดีกับวลีที่ว่า "ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว แล้วจะดีต่อสุขภาพ" ที่หลายคนยึดถือปฏิบัติกันมานานนม ขณะที่หลายคนก็เริ่มสนใจและหันมาดื่ม "น้ำแอคทิเวท" น้ำดื่มยุคใหม่ที่ผ่านการกระตุ้นด้วยเทคโนโลยีเอ็มเร็ทอันทันสมัย ทำให้โมเลกุลของน้ำเรียงตัวเป็นระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น

       "น้ำ" ของเหลวที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิตบนโลก และในร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบประมาณ 70-75% ซึ่งร่างกายมีการสูญเสียน้ำตลอดเวลา เราจึงต้องดื่มน้ำเข้าไปทดแทนเพื่อให้การทำงานของเซลล์ในร่างกายเป็นไปได้ อย่างปกติ แต่ในยุคดิจิทัลเช่นทุกวันนี้ เราสามารถเปลี่ยนน้ำสะอาดธรรมดาให้มีคุณสมบัติพร้อมใช้งานสำหรับเซลล์ในร่าง กายได้ด้วยเทคโนโลยี "เอ็มเร็ท" (Molecular Resonance Effect Technology: MRET)

       "น้ำพุภูเขา" ต้นแบบของ "น้ำแอคทิเวทเอ็มเร็ท"

       หลัง เกิดโศกนาฏกรรมการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใน เชอร์โนบิล ประเทศรัสเซีย เมื่อปี 2529 ดร.อิเกอร์ เสมียร์นอฟ (Dr.Igor Smirnov) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ประเทศรัสเซีย ก็สนใจศึกษาความพิเศษของน้ำพุภูเขาที่ชาวบ้านบริเวณดังกล่าวดื่มกินกันมา เป็นเวลานานหลายชั่วอายุคนที่เชื่อว่ามีส่วนช่วยเสริมสุขภาพให้แข็งแรง อ่อนเยาว์ และมีอายุยืนยาว

       หลังเก็บตัวอย่างและ วิเคราะห์น้ำพุภูเขา ดร.เสมียร์นอฟ พบว่าโครงสร้างของน้ำพุภูเขามีลักษณะพิเศษคือ มีการเคลื่อนไหวที่ให้พลังงานโมเลกุลในระดับสูงกว่าน้ำธรรมดา ซึ่งเป็นผลจากค่าเฉพาะของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในบริเวณที่พบน้ำพุธรรมชาตินั้น

       ดร.สเมียร์นอฟ ใช้ข้อมูลที่ได้จากการวิจัยครั้งนั้นพัฒนาเครื่องมือและอุปกรณ์ให้เป็น "เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดผลกระทบจากการสั่นพ้องในระดับโมเลกุล" หรือ "เอ็มเร็ท" (Molecular Resonance Effect Technology: MRET) ที่ สามารถเปลี่ยนโครงสร้างโมเลกุลของน้ำสะอาดธรรมดาให้เป็นระเบียบมากขึ้น มีความหนืดน้อยลงประมาณ 300 เท่า ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างอ่อน โดยไม่มีการเติมสารใดๆ ลงไป

       ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เปลี่ยนน้ำธรรมดาเป็นน้ำแอคทิเวท
       

       อุปกรณ์ สำคัญในการกระตุ้นน้ำธรรมดาให้กลายเป็นน้ำแอคทิเวทคือ ตัวโพลิเมอร์แบบผสม (Compound Polymeric Body) ซึ่งจะได้รับการกระตุ้นด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากแกนแม่เหล็ก หลายคู่ที่อยู่โดยรอบตัวโพลิเมอร์แบบผสมอีกทีหนึ่ง ทำให้ตัวโพลิเมอร์แบบผสมแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของคลื่นความยาวแสงที่ มองเห็นได้ในระดับ 400-800 นาโนเมตร และมีความถี่ในระดับ 7.2-8.2 เฮิร์ต ออกมาสู่น้ำในภาชนะบรรจุโดยไม่ต้องสัมผัสกับน้ำโดยตรง ซึ่งเทคโนโลยีเอ็มเร็ทนี้ได้รับสิทธิบัตรจากสหรัฐฯ ในเดือน ก.พ. 2543

       น้ำที่ผ่านกระบวนการเอ็มเร็ทจะเรียกว่า "น้ำแอคทิเวทเอ็มเร็ท" (MRET Activated Water) หรือ น้ำที่ผ่านการกระตุ้นด้วยเทคโนโลยีเอ็มเร็ท ซึ่งผ่านการปรับเปลี่ยนให้มีค่าความหนืดลดลงและมีลักษณะโครงสร้างของโมเลกุล เชิงเดี่ยวคล้ายกับโครงสร้างโมเลกุลของน้ำที่พบในเซลล์สิ่งมีชีวิต ทำให้ไหลผ่านเข้าสู่เซลล์ได้ง่ายขึ้น จึงช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้ดียิ่งขึ้นด้วย โดยมีผลงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์นานาชาติรองรับรวม 16 ผลงาน

       อย่าง ไรก็ดี ศ.ดร.ม.ร.ว.ชิษณุสรร สวัสดิวัตน์ ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ โดยออกตัวก่อนว่าตนเองไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเอ็มเร็ท แต่โดยทั่วไปนั้นร่างกายคนเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบมากถึง 70% อีกทั้งร่างกายมีการสูญเสียน้ำตลอดเวลาทั้งในรูปแบบเหงื่อและปัสสาวะ เพื่อขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ฉะนั้นเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป

       "การ ดื่มน้ำเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด เพราะโมเลกุลของน้ำช่วยละลายโมเลกุลของสิ่งมีชีวิต เมื่อเราดื่มน้ำเข้าไป ร่างกายก็สามารถนำน้ำเข้าสู่เซลล์ไปใช้งานได้ทันที คนที่ร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ การบริโภคน้ำและอาหารที่มีประโยชน์ในแต่ละวัน ร่างกายเราก็ได้รับน้ำและสารอาหารที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตอยู่แล้ว นอกจากผู้ที่มีร่างกายผิดปกติที่อาจจำเป็นต้องได้รับอาหารเสริมเข้าไป" ศ.ดร.ม.ร.ว.ชิษณุสรร อธิบาย

       ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีเอ็มเร็ทและน้ำแอคทิเวทเอ็มเร็ท สามารถติดตามอ่านเพิ่มได้จากหนังสือ Molecular Resonance Effect Technology: The Dynamic Effect On Human Physiology ผลงานเขียนร่วมกันของ ดร.อิเกอร์ เสมียร์นอฟ นักวิจัย และ ดร.โฮวอร์ด ดับบลิว ฟิชเชอร์ (Dr. Howard W. Fisher) แพทย์แผนธรรมชาติบำบัดต่อต้านความชรา จากแคนาดา ซึ่งเรียบเรียงเป็นภาษาไทยโดย ศ.เกียรติคุณ ดร.ไมตรี สุทธจิตต์

       (ข้อมูล เทคโนโลยีและน้ำแอคทิเวทเอ็มเร็ทจากการบรรยายพิเศษเรื่อง เทคโนโลยีเอ็มเร็ท โดย ดร.โฮวอร์ด ดับบลิว ฟิชเชอร์ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ณ โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน ซึ่งจัดโดย บริษัท เฮลท์ รีเลชั่นส์ จำกัด)


ที่มา : http://webboard.niyay.com/detail/38154.html








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น